ติดตั้ง WordPress เวอร์ชั่น 5 [คู่มือ วิธีการ และขั้นตอน]
44 | | . | WordPress, ความรู้, ระดับพื้นฐาน WordPress filezilla, xampp, เวิร์ดเพรส
การติดตั้ง WordPress นั้น โดยปกติแล้วเราสามารถทำการติดตั้งบนโฮสจริงได้เลย แต่ในบางกรณีหากเราต้องการติดตั้ง WordPress บน localhost หรือเครื่องของเราเพื่อทำการทดสอบก่อนนำขึ้นระบบจริงก็สามารถทำได้ บทความนี้จะสอนถึงวิธี และขั้นตอน ติดตั้ง WordPress ทั้ง 2 แบบ รวมถึงจะแนะนำโปรแกรมที่จำเป็นต้องใช้ ยกตัวอย่างเช่น Xampp, Wamp, Mamp, Plesk, CPanel, DirectAdmin และ Filezilla ครับ
เราจะเริ่มเรียนทำความรู้จักและทำการติดตั้ง WordPress บน Localhost กันก่อน และหลังจากนั้นเราจะไปพูดถึงวิธีการติดตั้งบนโฮสติ้งจริงนะครับ
ติดตั้ง WordPress บน Localhost
Localhost คือ เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่เราใช้งานกันอยู่ โดยมีการระบุไอพีแอดเดรส หมายเลข 127.0.0.1 เอาไว้ทุกเครื่อง เหมือนกับการระบุที่อยู่ตัวตนของตัวเครื่องนั้นๆ การติดตั้ง WordPress บน Localhost ก็คือ การที่เราจะทำให้เครื่องส่วนบุคคลของเรานั้นทำงานเป็น Web Server เพื่อให้สามารถดูผลงานการทำเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่นที่เราใส่ไว้ในเว็บเซิฟเวอร์ได้
การทำเว็บไซต์บน Localhost นั้นจะเหมือนกับการทดสอบระบบเว็บไซต์ก่อนการติดตั้งจริง เราสามารถทำการเพิ่มเนื้อหา แก้ไข หรือตัดออกเนื้อหาได้เหมือนกันกับการทำเว็บไซต์บนโฮสติ้งจริงทั้งหมดเพียงแค่ย้ายการทำงานมาอยู่บนเครื่องของเราเท่านั้น หากเราได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วก็สามารถที่จะโอนย้ายข้อมูลของเราไปยังโฮสติ้งจริงได้
วิธีการทำให้เครื่องของเราเป็น Web Server นั้น จะต้องมี 3 ปัจจัยหลักด้วยกัน ได้แก่
1. Apache Server ทำหน้าที่เป็น Web Server โปรแกรมทำงานหลักของเว็บไซต์ เราสามารถทำการเก็บหรือแก้ไขค่าคอนฟิกและโมดูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับเซิฟเวอร์ได้ที่ส่วนนี้
2. MySQL ทำหน้าที่เป็นฐานข้อมูล เราจะต้องบริหารจัดการฐานข้อมูลนั้นผ่าน โปรแกรม PhpMyAdmin
3. PHP ทำหน้าที่ในการเก็บ Config ต่างๆ ของเว็บไว้ที่ PHP.ini
หมายเหตุ ทั้ง 3 ข้อนี้เป็นที่นิยมในการทำ Web Server อย่างไรก็ตามเราสามารถใช้โปรแกรมเทียบเคียงกันในการสร้าง Web Server ได้เช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น Nginx แทน Apache, SQL Server (ค่าย Microsoft) หรือ MariaDB แทน MySQL
ในปัจจุบันการติดตั้งทั้ง 3 ข้อบนเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรานั้นได้ถูกรวมมาโปรแกรมสำเร็จรูปฟรีที่เราสามารถทำการติดตั้งได้ง่ายขึ้น จากที่จะต้องทำการติดตั้งแต่ละส่วนแยกจากกัน โปรแกรมในลักษณะนี้มีหลายค่ายด้วยกัน ขึ้นกับความนิยมชมชอบในการใช้งานและอุปกรณ์ที่จะใช้ ยกตัวอย่างเช่น XAMPP, WAMP หรือ MAMP เป็นต้น
XAMPP
![XAMPP](https://themevilles.com/wp-content/uploads/2019/06/xampp.jpg)
XAMPP เป็นโปรแกรมจำลอง Web Server ที่มี่ชื่อเสียง โดยพัฒนามาจากโอเพ่นซอร์ส (Open Source) ภายในประกอบไปด้วยในส่วนของ Apache, MariaDB, PHP และ Perl สามารถใช้งานได้บนคอมพิวเตอร์ Windows, Linux หรือ OS X เวอร์ชั่นปัจจุบันของ XAMPP อยู่ที 7.3.6 ดาวน์โหลดได้ที่ www.apachefriends.org
โปรแกรม XAMPP นี้หากเรายังไม่ได้ทำการติดตั้ง เราสามารถทำการติดตั้งแบบรวมเข้ากับโปรแกรมที่เราต้องการใช้งาน เช่น WordPress ได้โดยการดาวน์โหลดมาใช้งานเพียงครั้งเดียวผ่านเว็บไซต์ Bitnami ก็จะทำให้เราสามารถทำการติดตั้งได้ง่ายขึ้นครับ
WAMP
![WAMP](https://themevilles.com/wp-content/uploads/2019/06/wamp.jpg)
WAMP เป็นโปรแกรมจำลอง Web Server ตัวถัดมาที่มีคนนิยมใช้เช่นเดียวกัน สามารถทำการปรับแต่งเปลี่ยนเวอร์ชั่น PHP ได้ เปิด ปิด หรือ หยุด Service ได้ง่าย เหมือนกันกับ XAMPP เพียงแต่ว่าสามารถใช้งานได้กับ Windows เท่านั้น มีให้เลือก 2 แบบด้วยกันคือ สำหรับ Windows 64 บิตหรือ 32 บิต ดาวน์โหลดได้ที่ www.wampserver.com/en/
MAMP
![MAMP](https://themevilles.com/wp-content/uploads/2019/06/mamp.jpg)
MAMP จะเป็นโปรแกรมจำลอง Web Server สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ MAC เท่านั้น สามารถใช้งานได้เหมือนกันกับทั้ง 2 ข้อด้านบน มี 2 แบบคือ เวอร์ชั่นฟรี และเสียเงิน ข้อแตกต่างระหว่างทั้ง 2 เวอร์ชั่น คือ สามารถโอนย้ายข้อมูลได้ง่ายขึ้นไม่ว่าจะเป็นการย้ายจาก Localhost ไปยังเซิฟเวอร์จริง หรือจากเซิฟเวอร์จริงมาที่ Localhost และสามารถทำการโอนย้ายระหว่างเซิฟเวอร์ด้วยกันเอง มีระบบติดตั้ง WordPress ให้ และมีในส่วนของ Snapshot เป็นต้น ดาวน์โหลดได้ที่ www.mamp.info/en/
ในบทความนี้ เราจะเลือกวิธีการติดตั้ง WAMP Server เพราะเป็นโปรแกรมจำลองที่ผมใช้อยู่ สามารถจัดการในส่วนต่างๆ ได้ง่าย ดังนี้ครับ
- ให้ทำการดาวน์โหลด WAMP จากเว็บไซต์ โดยเราจะต้องทำการตรวจสอบเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราก่อนว่า เป็นเครื่องแบบ 64 บิต หรือ 32 บิต แล้วดาวน์โหลดให้ตรงกับสเปคที่กำหนดให้
- หลังจากนั้นให้ดำเนินการติดตั้งในส่วนของโปรแกรม WAMP Server ขณะที่ดำเนินการติดตั้งระบบจะถามเราให้เราทำการติดตั้ง Visual C++ ให้เราลงให้ครบทุกตัว
- ขณะทำการติดตั้งอีกเช่นกัน ระบบจะสอบถามว่าเราใช้ Editor อะไร ในเบื้องต้นระบุเป็น Notepad หากเราใช้ Editor ตัวอื่นให้ทำการเลือกตัวนั้น อ่านวิธีการติดตั้ง Sublime Text 3 ได้ที่นี่
- ระบบจะสอบถามว่าเราใช้ Browser อะไร ในเบื้องต้นระบุเป็น Internet Explorer ถ้าเราใช้ตัวอื่นให้เลือกตัวนั้น ยกตัวอย่างเช่น Chrome ให้ดำเนินการติดตั้งจนเสร็จ
เมื่อเราทำการติดตั้งของ WAMP Server แล้วคราวนี้ เราจะทำการติดตั้ง WordPress กัน
- ดำเนินการสร้างชื่อฐานข้อมูลที่ phpMyAdmin โดยไปที่ localhost/phpmyadmin ใส่ชื่อผู้ใช้งาน (Username) คือ root ส่วนรหัสผ่านไม่ต้องใส่อะไรให้ปล่อยว่างไว้เพื่อเข้าสู่ระบบ phpMyAdmin
- ให้ทำการกด New ที่แถบด้านซ้ายมือจะปรากฏช่องให้ใส่ชื่อ Database และ Collation ให้ใส่ชื่อ Database ที่เราต้องการเช่น new_db และ collation ให้เลือกเป็น utf8_general_ci
![ติดตั้ง WordPress 1](https://themevilles.com/wp-content/uploads/2019/06/wp-install-2.jpg)
- เราจะต้องทำการนำไฟล์ zip ของ WordPress ที่ดาวน์โหลดมาจาก WordPress.org ทำการแตกไฟล์ให้เป็นโฟลเดอร์ wordpress แล้วนำไปใส่ไว้ในโฟลเดอร์ c:/wamp64/www/ ทั้งโฟลเดอร์
- ทำการเข้าหน้าเว็บไซต์ในส่วนของ Browser ในที่นี้คือ Chrome โดยทำการพิมพ์คำว่า http://localhost/wordpress แล้วกด Enter ระบบจะดำเนินการ Redirect ไปหน้าที่จะต้องทำการใส่ข้อมูลเพื่อติดตั้ง แล้วดำเนินการติดตั้งตามลำดับ
- ให้เราเริ่มทำการเลือกภาษาที่ต้องการเป็นอันดับแรก ให้เลือกแล้วทำการกดปุ่มต่อไป จนกระทั่งถึงหน้าที่ระบบใหเราทำการระบุชื่อฐานข้อมูล ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านที่ได้ตั้งไว้ใน phpMyAdmin นำไปใส่เมื่อระบบ WordPress ทำการสอบถาม ส่วนช่องที่เหลืออยู่ให้คงค่าไว้ตามเดิม
![ติดตั้ง WordPress 2](https://themevilles.com/wp-content/uploads/2019/06/wp_install_3.jpg)
- ทำการตั้งชื่อเว็บไซต์ พร้อมชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านที่เราจะใช้งานผ่านหน้า wp-admin
- หลังจากนั้นระบบก็จะทำการติดตั้งเสร็จสมบูรณ์ เราสามารถใช้งานเว็บไซต์ผ่าน http://localhost/wordpress เมื่อเราต้องการเข้าดูหน้าเว็บของเรา หรือเข้าผ่าน http://localhost/wordpress/wp-admin เมื่อเราต้องการเข้าสู่ระบบหลังบ้าน
ติดตั้ง WordPress บนโฮสจริง
Web Hosting คือ พื้นที่สำหรับจัดเก็บเว็บไซต์ของเราที่ได้ทำการเช่าจากบริษัทโฮสติ้ง ยกตัวอย่างเช่น Hostatom, Hostneverdie ซึ่งจะมีทั้งแบบ Web Hosting ทั่วไป และ WordPress Hosting ที่มีการใส่โปรแกรม WordPress และทำการปรับแต่งค่าให้เหมาะสมไว้ในโฮสติ้งอยู่แล้ว
การติดตั้ง WordPress บนโฮสติ้งจริงนั้น เราจะต้องทำการสั่งซื้อโดเมนเนมกับโฮสติ้งจากบริษัทโฮสติ้งเสียก่อน (อ่านบทความการวิธีการสั่งซื้อโดเมนและโฮสติ้งจาก Hostatom) หลังจากนั้นบริษัทโฮสติ้งก็จะทำการให้ชื่อผู้ใช้งานกับรหัสผ่านเพื่อทำการเข้าถึงในส่วนของ Control Panel เพื่อบริหารจัดการในส่วนของไฟล์และฐานข้อมูล
Control Panel ของโฮสติ้งมีด้วยกัน 3 รายหลักๆ ได้แก่ DirectAdmin, Plesk และ CPanel ความแตกต่างกันระหว่างทั้ง 3 แบบนี้ อยู่ที่เครื่องมือที่สามารถใช้งานได้ใน Control Panel นั้นๆ กับราคาที่โฮสติ้งเจ้านั้นยอมรับได้โดยดูจากความคุ้มค่าและคุ้มทุนเพราะซื้อมาแล้วต้องปล่อยให้เราเช่าต่อ
การติดตั้ง WordPress บนโฮสติ้งนี้จะมีลักษณะคล้ายคลึงกับในส่วนของการติดตั้งบน Localhost ต่างกันเพียง เราจะต้องทำการสร้างชื่อฐานข้อมูล (Database Name) ที่ Control Panel ของโฮสติ้งที่เราเช่ามาแทนที่จะสร้างชื่อฐานข้อมูลที่ phpMyAdmin และการอัปโหลดไฟล์ของ WordPress ด้วยโปรแกรม FileZilla ไปใส่ไว้ภายในโฟลเดอร์ public_html เท่านั้น
![สอน WordPress หรือ WooCommerce](https://themevilles.com/wp-content/uploads/2019/06/study.jpg)
DirectAdmin
![DirectAdmin](https://themevilles.com/wp-content/uploads/2019/06/directadmin.jpg)
ให้ทำการตั้งชื่อในส่วนของ Database Name ที่เมนู MySQL Managmement หลังจากนั้นให้กด Create New Database แล้วทำการตั้งชื่อที่ต้องการพร้อมในส่วนของชื่อผู้ใช้งาน (Username) และรหัสผ่าน (Password) สำหรับเข้าสู่ phpMyAdmin
Plesk
![Plesk](https://themevilles.com/wp-content/uploads/2019/06/plesk.jpg)
สำหรับในส่วนของ Plesk ให้ไปที่เมนูด้านซ้ายมือที่ชื่อ Database เมื่อทำการกดเข้าไปแล้วจะเห็นปุ่ม Add Database ปรากฏอยู่ให้กดเข้าไปด้านใน แล้วทำการสร้างในส่วนของ Database Name, Username และ Password เช่นเดียวกัน
CPanel
![Cpanel](https://themevilles.com/wp-content/uploads/2019/06/cpanel.jpg)
หากใครใช้ในส่วนของ CPanel ให้ไปที่ส่วนของ Database แล้วทำการเลือกเมนู MySQL Database ในนั้นจะมีให้เราสร้างในส่วนของ Database Name, Username และ Password ครับ
เมื่อเราสร้างในส่วนของ Database Name, Username และ Password แล้ว พักเอาไว้ตรงนี้ก่อน เพราะข้อมูลในส่วนนี้เราจะนำไปใส่หลังจากเราอัพโหลดไฟล์ WordPress ทั้งหมดไปยังโฮสติ้งแล้วทำการเรียกด้วยชื่อเว็บไซต์ผ่านเบราเซอร์ของเรา ดังนั้นเราจะไปติดตั้งในส่วนของ FileZilla ซึ่งเป็นโปรแกรมอัพโหลดไฟล์กันครับ
Filezilla
เริ่มต้นเลยให้เราไปที่เว็บ FileZilla https://filezilla-project.org/
หลังจากนั้นทำการดาวน์โหลดไฟล์โดยไปที่ปุ่ม Download FileZilla Client All platforms ให้ทำการกดปุ่มนี้เพื่อทำการดาวน์โหลด ไฟล์ที่จะดาวน์โหลด (Download) นั้นจะเป็น FileZilla 64 บิตที่สามารถใช้งานได้กับ Windows 7, 8, 8.1 และ 10 ในกรณีที่เครื่องของเราเป็นแพล็ตฟอร์มอื่น เช่น Linux, Mac ให้ทำการเลือกการโหลดให้ถูกต้อง
หลังจากนั้นให้ทำการเปิดโปรแกรมนี้แล้วให้ทำการใส่ข้อมูล Host, Username และ Password แล้วทำการกดปุ่ม Quick Connect (ข้อมูลในส่วนนี้จะได้มาจากโฮสติ้งทำการส่งอีเมล์มาให้เรา)
ระบบจะทำการเชื่อมต่อ ทางด้านซ้ายมือของเราจะเป็นข้อมูลโฟลเดอร์และไฟล์ที่อยู่บนเครื่องของเรา ในขณะที่ทางด้านขวามือจะเป็นโฟลเดอร์และไฟล์ที่อยู่บนเซิฟเวอร์ เราสามารถใช้ FTP ในการ Upload และ Download ได้ที่นี่ด้วยการไปยังไฟล์ที่เราต้องการแล้วลากไปทางฝั่งที่อยากจะให้มีไฟล์นั้น
![Filezilla](https://themevilles.com/wp-content/uploads/2019/06/filezilla.jpg)
ให้เราทำการ Upload ไฟล์ WordPress ทั้งหมดของเราโดยทำการแตก Zip File ก่อนทำการอัพโหลด เมื่อเสร็จสิ้นให้เราไปหน้า Browser ของเราแล้วพิมพ์ชื่อเว็บไซต์แล้วดำเนินการติดตั้งเหมือนกับการติดตั้ง WordPress กับ Localhost ครับ
ติดตั้ง WordPress ไม่ได้
ในกรณีที่เราติดตั้งไม่ได้ โดยส่วนใหญ่แล้วจะเกิด Error ขึ้นบอกว่า Error establishing a database connection แสดงว่าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับชื่อฐานข้อมูล ผู้ใช้งาน และรหัสผ่าน ไม่ตรงกันกับที่เราสร้างไว้ใน phpMyAdmin วิธีแก้ก็คือ เราจะต้องไปแก้ที่ไฟล์ wp-config.php ด้วย Editor ของเรา เช่น Sublime Text 3 แล้วให้แก้ตรง DB_Name, DB_Username และ DB_Password ให้ตรงกับที่เราสร้างไว้ใน phpMyAdmin แล้วอัพโหลดขึ้นไปใหม่ หากไฟล์ wp-config.php ไม่มีให้เราทำการก็อบปี้ไฟล์ wp-config-sample.php มาใช้ แล้วเปลี่ยนชื่อไฟล์เป็น wp-config.php ครับ
// ** MySQL settings - You can get this info from your web host ** //
/** The name of the database for WordPress */
define( 'DB_NAME', 'new_db' );
/** MySQL database username */
define( 'DB_USER', 'root' );
/** MySQL database password */
define( 'DB_PASSWORD', '' );
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับคู่มือติดตั้ง WordPress ฉบับนี้ ถ้าถูกใจก็อย่าลืมกดไลท์ กดแชร์ กดดาวเพื่อให้คะแนน หรือสมัครติดตามข่าวสารจากทางเว็บ Themevilles ได้ตลอดนะครับ พบกับบทความใหม่เร็วๆ นี้
![สอน WordPress หรือ WooCommerce](https://themevilles.com/wp-content/uploads/2019/06/study.jpg)