แก้เว็บติดมัลแวร์ เว็บพัง คลิกเว็บแล้วลิงก์ไปหน้าภาษาอื่น

ทุกท่านที่เป็นเจ้าของเว็บไซต์เคยเจอประสบการณ์ที่เมื่อเราทำการกดลิงก์ผ่าน Google Search แล้วพบว่าหน้าเว็บไซต์ที่เราไปนั้นกลายเป็นหน้าภาษาญี่ปุ่น ภาษาจีน หรือภาษาอื่นๆ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวของกับเว็บไซต์ของเราเลยไหมครับ หากเคยเจอแสดงว่า ท่านได้รู้จักกับมัลแวร์แล้วว่า มัลแวร์คืออะไร และทำหน้าที่อย่างไร หากเว็บไซต์ที่เรากดคลิกลิงก์เข้าไปนั้นเป็นเว็บไซต์ของเราละ เราจะทำการแก้เว็บติดมัลแวร์ได้อย่างไร และหากไม่แก้ไขจะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับเว็บของเรา วันนี้บทความด้านล่างจะอธิบายถึงความหมาย ปัญหาที่จะเกิดขึ้น วิธีการแก้ไขเบื้องต้น เพื่อให้เราเรียนรู้และป้องกันเว็บไซต์ของเราได้อย่างทันท่วงทีก่อนที่ปัญหาจะบานปลายออกไปนะครับ

อย่างที่เกริ่นไว้แล้วว่า วันนี้เราจะมาพูดถึงเจ้าตัวมัลแวร์ เราจึงจะต้องทำความรู้จักกับมันก่อน ว่ามัลแวร์คืออะไร ดังรายละเอียดด้านล่าง

มัลแวร์คืออะไร

มัลแวร์ (Malware) คือ ซอฟต์แวร์ที่ถูกออกแบบจากผู้ไม่หวังดี เช่น แฮกเกอร์  มาเพื่อทำความเสียหายแก่ระบบคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลที่เก็บบนเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นๆ  มัลแวร์มีลักษณะที่แตกต่างกันไป อาทิเช่น

  • ไวรัส (viruses) ที่แพร่กระจายตัวไปยังไฟล์อื่นๆ และสามารถทำให้ไฟล์ของเราเสียหายหรือเพิ่มจำนวนของไฟล์
  • โทรจัน (Trojans) เป็นมัลแวร์ที่ถูกป้อนเข้ามาในระบบโดยปกติแล้วแล้วทำงานในพื้นหลัง เพื่อวัตถุประสงค์ ในการเปิดช่องโหว่ หรือเก็บข้อมูลของคอมพิวเตอร์ของเรา
  • แอดแวร์ (Adware) เป็นมัลแวร์ที่มีไว้แสดงโฆษณาให้ผู้ใช้คลิกเพื่อส่งผลกำไรให้กับผู้สร้างมัลแวร์นั้น
  • สปายแวร์ (Spyware) ที่รวบรวมข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ มีวัตถุประสงค์ในการทำลายข้อมูล หรือปกปิดตัวโปรแกรมให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้สร้าง

เว็บไซต์โดนมัลแวร์ได้อย่างไร

เว็บไซต์สามารถโดนมัลแวร์ได้หลายวิธี เช่น มัลแวร์สามารถแพร่กระจายผ่านทางอีเมลที่มีไฟล์แนบหรือลิงก์ที่ส่งผู้ใช้คลิกเพื่อติดตั้งหรือดาวน์โหลด หรือผ่านทางเว็บไซต์ที่มีความเสี่ยงหรือมีช่องโหว่ในระบบ โค้ดที่เขียนไม่ดีและอื่นๆ ด้านล่างนี้คือสาเหตุที่อาจทำให้เว็บไซต์โดนมัลแวร์

  • ช่องโหว่ในระบบ: หากเว็บไซต์มีช่องโหว่ในระบบที่ไม่ได้รับการป้องกันอย่างเหมาะสม เช่น โปรแกรม WordPress ธีมหรือปลั๊กอินที่เก่าและล้าสมัยเกินไปหรือมีช่องโหว่ที่รู้จัก มัลแวร์อาจใช้ช่องโหว่นั้นเพื่อเข้าถึงและควบคุมเว็บไซต์ได้
  • โค้ดที่เสี่ยงต่อความปลอดภัย: ถ้าโปรแกรมหรือสคริปต์ในเว็บไซต์ไม่ได้รับการเขียนและทดสอบอย่างเหมาะสม มัลแวร์อาจจะซ่อนตัวเป็นส่วนหนึ่งของโค้ด โดยการซ่อนลิงก์ที่ไม่ปรากฏในส่วนที่สัมผัสได้ของหน้าเว็บ
  • ไฟล์แนบหรือลิงก์ที่เสี่ยง: การคลิกลิงก์หรือดาวน์โหลดไฟล์จากเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ หรือไม่มีการตรวจสอบความปลอดภัยอาจทำให้คุณโดนติดมัลแวร์ ตัวอย่างเช่นไฟล์ดาวน์โหลดที่มาจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ ไฟล์เอกสารที่ต้องทำการเปิดเผยรหัสผ่าน หรือแม้กระทั่งภาพที่แอบประกาศหมายเลขบัตรเครดิต
  • การโจมตีด้วย DDoS: มัลแวร์อาจใช้โปรแกรมเข้ารหัสในการโจมตีเว็บไซต์ด้วยการก่อให้เกิดการร้องขอแบบแจกจ่าย (DDoS) โดยการทำให้เว็บไซต์ไม่สามารถให้บริการได้อย่างปกติ ซึ่งอาจทำให้เว็บไซต์ชะลอการอัปเดตและเปิดเผยช่องโหว่ที่เป็นประตูตามอุปกรณ์
แก้ปัญหาเว็บไซต์
แก้ปัญหาเว็บไซต์

เราจะป้องกันมัลแวร์ได้อย่างไร

เพื่อป้องกันเว็บไซต์ไม่โดนมัลแวร์ คุณควรดำเนินการดังต่อไปนี้:

  1. อัปเดตระบบและโปรแกรม: ทำการอัปเดตระบบปฏิบัติการและโปรแกรมที่ใช้บนเว็บไซต์เพื่อรับประกันว่าช่องโหว่ที่เปิดทิ้งไว้ได้ถูกปิดและเข้าถึงได้ยาก
  2. เลือกใช้งานกับโฮสติ้งที่น่าเชื่อถือ: โฮสติ้งที่ดีควรมีระบบป้องกันมัลแวร์และช่วยเหลือหากเว็บไซต์ของเราติดมัลแวร์ให้กับผู้ใช้งาน เช่นระบบไฟล์วอลล์ การแบ็คอัพข้อมูลที่ดี เช่น โฮสอะตอม
  3. ใช้เทคนิคความปลอดภัยที่เหมาะสม: ใช้เทคนิคความปลอดภัยอย่างเหมาะสม เช่น ใช้เทคนิคการรักษาความปลอดภัยเช่น HTTPS หรือ SSL/TLS เพื่อเข้ารหัสข้อมูลที่ส่งผ่านเว็บไซต์ และใช้งานอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม
  4. ใช้โปรแกรมป้องกันและตรวจสอบมัลแวร์: ติดตั้งและใช้โปรแกรมต้านไวรัสและตรวจสอบมัลแวร์ที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันและตรวจจับมัลแวร์ที่อาจเข้ามาในระบบ
  5. ความรับผิดชอบของผู้ใช้: รักษาความปลอดภัยโดยไม่คลิกลิงก์หรือดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ ให้ทำการสร้างบัญชีและรหัสผ่านให้คาดเดาได้ยากและอย่าให้ข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลล็อกอินถูกเผยแพร่ให้ผู้ไม่ได้รับอนุญาต
  6. สำรองข้อมูล: สำรองข้อมูลที่สำคัญเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพื่อป้องกันการสูญเสียข้อมูลในกรณีที่เว็บไซต์โดนมัลแวร์หรือการโจมตีอื่นๆ
  7. ตรวจสอบความปลอดภัย: ปฏิบัติการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอเพื่อตระหนักถึงความปลอดภัยของเว็บไซต์ โดยตรวจสอบช่องโหว่ที่เปิดเผยอยู่และดำเนินการแก้ไขตามความจำเป็น

เว็บติดมัลแวร์จะแก้ไขอย่างไร

หากคุณติดมัลแวร์บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว คุณสามารถดำเนินการแก้ไขได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้:

  1. ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต: อันดับแรกควรตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อหยุดการสื่อสารระหว่างมัลแวร์และเซิร์ฟเวอร์หรือเครือข่ายอื่นๆ การตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจะช่วยล็อกการส่งข้อมูลและป้องกันไม่ให้มัลแวร์รับคำสั่งเพิ่มเติมหรือดาวน์โหลดอัปเดตต่างๆ
  2. สแกนและลบมัลแวร์: ใช้โปรแกรมต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพเพื่อสแกนคอมพิวเตอร์และตรวจหามัลแวร์ หากตรวจพบมัลแวร์ คุณควรลบมันออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ โปรแกรมต้านไวรัสบางรุ่นอาจสามารถช่วยลบมัลแวร์ได้โดยตรง หากไม่สามารถลบได้ คุณอาจต้องใช้เครื่องมือลบมัลแวร์เพิ่มเติมที่มีอยู่ในตลาด
  3. อัปเดตและสแกนโปรแกรมป้องกัน: หลังจากลบมัลแวร์แล้ว คุณควรอัปเดตโปรแกรมต้านไวรัสหรือโปรแกรมป้องกันอื่นๆ ให้เป็นรุ่นล่าสุด และทำการสแกนคอมพิวเตอร์อีกครั้งเพื่อตรวจสอบว่ามีมัลแวร์เหลืออยู่หรือไม่
  4. เปลี่ยนรหัสผ่าน: เมื่อคอมพิวเตอร์ของคุณถูกติดมัลแวร์แล้ว คุณควรเปลี่ยนรหัสผ่านที่เกี่ยวข้องกับบัญชีออนไลน์ที่คุณใช้ รวมถึงบัญชีอีเมล และบัญชีธนาคารหากคุณใช้บริการออนไลน์ที่เกี่ยวข้อง
  5. ซ่อมแซมระบบ: หากมัลแวร์ทำลายหรือเปลี่ยนแปลงไฟล์ระบบ คุณอาจต้องซ่อมแซมระบบหรือใช้คำสั่งกู้คืนระบบเพื่อคืนค่าไฟล์ที่เสียหายกลับคืนสู่สภาพปกติ
  6. การป้องกันในอนาคต: เพื่อป้องกันการติดมัลแวร์ในอนาคต คุณควรปฏิบัติตามหลักความปลอดภัยเบื้องต้น เช่น อัปเดตซอฟต์แวร์เป้าหมาย ปรับแต่งการตั้งค่าความปลอดภัย ไม่คลิกลิงก์หรือดาวน์โหลดจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ และใช้โปรแกรมป้องกันและตรวจสอบมัลแวร์อย่างสม่ำเสมอ

มัลแวร์จะกลับมาติดอีกได้หรือไม่

เมื่อแก้ไขแล้ว มัลแวร์สามารถกลับมาติดเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ ซึ่งอาจเกิดจากเหตุการณ์ต่อไปนี้:

  • มีช่องโหว่ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข: หากคุณไม่ได้ทำการอัปเดตระบบหรือโปรแกรมป้องกันอย่างทันสมัย มัลแวร์อาจใช้ช่องโหว่เดิมหรือช่องโหว่ใหม่เพื่อเข้าถึงระบบของคุณอีกครั้ง
  • มีไฟล์หรือโปรแกรมที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ: มัลแวร์อาจซ่อนอยู่ในไฟล์หรือโปรแกรมที่คุณไม่ได้ตรวจสอบหรือลบออกในครั้งก่อน โปรดตรวจสอบและลบไฟล์หรือโปรแกรมที่สามารถเป็นที่เสี่ยงได้อีกครั้ง
  • การดูแลไม่เพียงพอ: หากคุณไม่ปฏิบัติตามหลักการรักษาความปลอดภัยอย่างเหมาะสม อาจเป็นไปได้ว่าคุณยังมีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยอื่นๆ เช่น รหัสผ่านที่อ่อนแอหรือการให้สิทธิ์ไม่ถูกต้อง

ดังนั้น หลังจากที่คุณแก้ไขมัลแวร์ คุณควรปฏิบัติตามหลักความปลอดภัยอย่างเคร่งครัดเพื่อลดโอกาสที่มัลแวร์จะกลับมาติดเครื่องคอมพิวเตอร์อีกครั้ง

หากแก้ไขมัลแวร์ไม่เป็นเราควรทำอย่างไร

ให้หาผู้เชี่ยวชาญในการแก้ไขมัลแวร์เพื่อไม่ให้มัลแวร์กลับมาในคอมพิวเตอร์ของเราอีก โดยเรายินดีทำการแก้เว็บติดมัลแวร์ให้แก่เว็บไซต์ของคุณ ซึ่งการแก้ไขจะทำการตรวจสอบไฟล์และโฟลเดอร์ที่ติดมัลแวร์ ทำการลบ แก้ไขไฟล์ที่ติดมัลแวร์ และทำการป้องกันการติดมัลแวร์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตรวมถึงการแบ็คอัพข้อมูล เพื่อไม่ให้มัลแวร์มารบกวนการทำงานของเว็บไซต์ของคุณอี หากสนใจสามารถทำการติดต่อเราได้ที่ 066-785-8514 หรือ Line ID: kuppik ครับ

มัลแวร์
มัลแวร์